เพ็ญศรี พุ่มชูศรี (17 มิถุนายน พ.ศ. 2472—14 พฤษภาคม พ.ศ. 2550) หรือชื่อเดิม ผ่องศรี พุ่มชูศรี รู้จักกันในชื่อเล่น ป้าโจ๊ว เป็นนักร้อง และครูสอนขับร้องเพลงไทยสากล เป็นนักร้องประจำวงดนตรีกรมโฆษณาการ หรือสุนทราภรณ์ ได้รับการคัดเลือกให้ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการบันทึกแผ่นเสียง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2534
เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2472 ที่จังหวัดพิษณุโลกเป็นบุตรีของนายผิว พุ่มชูศรี และนางทรัพย์ นิลสุวรรณ (บางตำราว่า มารดาชื่อ นางจันทร์ พุ่มชูศรี) มีน้องสาวร่วมบิดามารดา 1 คน ชื่อ นางพรรณี พุ่มชูศรี พลรัตน์ เพ็ญศรีมีชื่อเล่นว่า "แอ๊ด" แต่ต่อมาเมื่อมาอยู่กรมโฆษณาการแล้ว ได้เปลี่ยนชื่อเล่นเป็น "โจ๊ว" ตามคำว่า "ฮุดโจ๊ว" ซึ่งแปลว่า พระจีน เนื่องจากเพ็ญศรีชอบใส่ชุดคอกระเบื้องสีเหลืองร้องเพลง ด้วยรูปร่างอ้วนกลม เมื่อ มัณฑนา โมรากุลเห็นจึงเรียกว่า "ฮุดโจ๊ว" แล้วกลายเป็น "โจ๊ว" ในที่สุด เพ็ญศรีเริ่มเข้าประกวดร้องเพลงตามงานวัด ตั้งแต่อายุ 8 ปี โดยใช้นามว่า "ผ่องศรี พุ่มชูศรี" เพลงที่ใช้ร้องไม่ทราบชื่อ แต่มีเนื่อท่อนหนึ่งว่า ...เรือน้อยที่ปล่อยลอยไว้... คุณเพ็ญศรีเริ่มต้นฝึกหัดร้องเพลงกับครูศิวะ วรนาฏ (ชิน เนียวกุล) เมื่อปี พ.ศ. 2484 และได้บันทึกแผ่นเสียงเพลง ศิลธรรมทั้งห้า ขณะอายุ 12 ปี โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "เด็กหญิงเพ็ญศรี พุ่มชูศรี" และใช้ชื่อนี้ในการขับร้องเพลงเรื่อยมา จนมาถึงปี พ.ศ. 2487 จึงเข้าเป็นนักร้องประจำวงดนตรีกรมโฆษณาการซึ่งมี ครูเอื้อ สุนทรสนานเป็นหัวหน้าวง และได้บันทึกแผ่นเสียงเป็นจำนวนมากเรื่อยมา
ปี พ.ศ. 2490 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้คุณเพ็ญศรีขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์เพลง "สายฝน" ซึ่งเพิ่งได้ทรงพระราชนิพนธ์เอาไว้ก่อนหน้านั้นไม่นาน โดยเป็นการร้องสดในรายการบรรเลงดนตรีรายการหนึ่ง หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2491 จึงได้ขับร้องเพลงนี้บันทึกแผ่นเสียง
คุณเพ็ญศรีลาออกจากราชการเมื่อปี พ.ศ. 2495 เพื่อเข้าร่วมงานกับละครคณะชุมนุมศิลปิน ซึ่งเป็นคณะละครเวทีของรพีพร หรือชื่อจริงคือคุณสุวัฒน์ วรดิลก รับหน้าที่ทั้งร้องเพลงประกอบและร่วมแสดง ในเวลาต่อมาได้เกิดความรักกับคุณสุวัฒน์ และสมรสกัน ในช่วงนี้แม้ว่าจะลาออกจากราชการไปแล้ว แต่ก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานของทางราชการอยู่เสมอ ได้รับเชิญให้ไปขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์เพื่อบันทึกแผ่นเสียงอีกหลายครั้ง
ในปี พ.ศ. 2506 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน จากเพลง "วิหคเหิรลม" และเพลง "ม่านไทรย้อย" ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากเพลง "ง้อรัก"
เพ็ญศรีได้จัดตั้งโรงเรียนสอนการร้องเพลงเล็กๆ ขึ้น ชื่อว่า "ศกุนตลา" เปิดสอนให้แก่บุคคลทั่วไปที่สนใจการขับร้อง ทำให้มีนักร้องใหม่ๆ ที่มีความสามารถเกิดขึ้นมาหลายคน นอกจากงานสอนร้องเพลงแล้ว เธอยังได้รับเชิญให้ไปร้องเพลงเพื่อช่วยงานการกุศลและสาธารณประโยชน์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอตลอดมา อีกทั้งเคยได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรมนักร้องแห่งประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 สมัย
เมื่อปี พ.ศ. 2534 ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง)
เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ได้ถึงแก่กรรมลงด้วยอาการหัวใจล้มเหลวและ โรคอัลซไฮเมอร์ รวมไปถึง โรคเบาหวานด้วย เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 เวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลเมืองสมุทร จังหวัดสมุทรปราการในวัย 78 ปี
เพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่คุณเพ็ญศรีได้บันทึกเสียงไว้ ได้แก่ สายฝน ดวงใจกับความรัก เทวาพาคู่ฝัน มหาจุฬาลงกรณ์ ความฝันอันสูงสุด และอาทิตย์อับแสง เป็นต้น
คุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรี ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ถึง พ.ศ. 2550 แต่สามารถร้องเพลงได้เป็นปกติ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 สำหรับศพของคุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรี และคุณสุวัฒน์ วรดิลก สามี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2550 ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม กรุงเทพมหานคร